ที่มา https://www.pohchae.com/2023/09/17/mate60-pro-huawei
“..ย้อนไปปี 2019 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ขึ้นบัญชีดำ หัวเว่ย (Huawei) ทำให้บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ ไม่สามารถทำธุรกิจกับหัวเว่ยได้ ซึ่งนั่นรวมไปถึงบริษัทผู้ผลิตชิปเซ็ตที่รองรับ 5G ทำให้สมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ของหัวเว่ยต้องใช้ชิปที่กักตุนไว้เท่านั้น..“
บริษัท Qualcomm ถือเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตชิปสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะในฝั่งระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ แต่เพราะมาตรการคว่ำบาตร หัวเว่ย จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ทำให้บริษัทไม่สามารถอนุมัติสัญญาซื้อขายใหม่กับหัวเว่ยได้ โดยมีเพียงสัญญาซื้อขายเดิมที่มีอยู่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม สัญญาเดิมก็ยังครอบคลุมให้หัวเว่ยมีเวลาสต็อกชิปจาก Qualcomm ได้อีกนานหลายปี
ดังนั้น หลายคนคาดว่าจะได้เห็นมือถือรุ่นใหม่พร้อมชิป Snapdragon ต่อไป โดยเฉพาะ Mate 60 series ที่จะเปิดตัวในปีนี้ แต่หัวเว่ยก็ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัว Mate 60 Pro โดยใช้ชิปเซ็ต Kirin 9000s ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ใช้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของ Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) บริษัทผู้ผลิตชิปสัญชาติจีน โดยชิปเซ็ตดังกล่าวรองรับการเชื่อมต่อ 5G
การที่หัวเว่ยเลือกจะใช้งานชิปเซ็ต 5G ที่ผลิตในจีนโดยบริษัทจีน ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า หัวเว่ยต้องการตอบโต้สหรัฐฯ โดยสื่อว่า “เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบริษัทสหรัฐฯ” หลังจากที่บริษัทถูกขึ้นบัญชีดำตั้งแต่ปี 2019 ทำให้หัวเว่ยไม่สามารถใช้งานบริการของ Google รวมถึงระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ทำให้หัวเว่ยต้องใช้งาน Harmony OS ระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นมาเอง
หลังจากเปิดตัว Mate 60 Pro ก็ถูกขายจนเกลี้ยงร้านช่องทางออฟฟิเชียลสโตร์บนออนไลน์ โดย Ivan Lam นักวิเคราะห์อาวุโสจากฮ่องกงกับที่ปรึกษาด้านตลาด Counterpoint Research กล่าวว่า Huawei คาดว่า Huawei จะมียอดขาย Mate 60 Series ไม่น้อยกว่า 7 ล้านเครื่อง ยกเว้นจะมีปัญหาด้านซัพพลายเชน ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า หัวเว่ยกำลังเตรียมสต็อก Mate 60 Series อย่างน้อย 15 ล้านเครื่อง
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/2023 หัวเว่ยได้กลับสู่ตำแหน่งผู้เล่น Top5 ในตลาดสมาร์ทโฟนของจีน โดยในช่วงครึ่งปีแรกมียอดจัดส่ง 14.3 ล้านเครื่อง ตามรายงานของ IDC และการที่หัวเว่ยเปิดตัว Mate 60 Series ก่อนที่ Apple จะเปิดตัว iPhone 15 ในช่วยปลายเดือนนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่าจะมี ผลกระทบบางอย่าง ต่อเซกเมนต์ไฮเอนด์ของตลาดสมาร์ทโฟนจีน..
รีวิว HUAWEI P60 Pro มือถือตัวท็อป ตัวปังสุดของหัวเว่ย มากับนวัตกรรมกล้อง XMAGE ที่พัฒนามาเองกับมือ ไม่เหมือนใคร
นวัตกรรมกล้อง XMAGE กลายมาเป็นจุดเด่นของ HUAWEI ไปแล้ว กับ P60 Pro ก็เช่นกัน ที่จะมาช่วยทั้งเรื่องการถ่ายภาพ และการประมวลผลต่างๆ ตีบวกกับเซนเซอร์ที่พัฒนามาเองอย่าง RYYB ช่วยให้เก็บแสงได้มากขึ้น นำมาใช้กับทั้ง 3 เลนส์ที่ให้มา ภาพที่ออกมาจะเป็นยังไง?
..รวมถึงวีดีโอด้วย มาดูได้ในคลิปนี้ บอกตรงๆว่าไม่ผิดหวังกับงานกล้องเลยครับ แต่เรื่องที่หลายคนสนใจไม่แพ้เรื่องกล้องก็คือ Google Mobile Services หรือ การใช้งานกูเกิ้ล ลงแอพต่างๆทำยังไง เพราะเรารู้กันอยู่แล้วว่าเค้าใช้งานไม่ได้ อันนี้ในคลิปก็จะบอกวิธีอยู่ๆ หลักๆเลยก็คือลงแอพต่างๆผ่าน LughtHouse ที่จะสามารถซิงค์ข้อมูลต่างๆกับกูเกิ้ลได้ แต่ว่ามันสะดวก หรือ ลำบากยังไง ลองดูรีวิวนี้แล้วคอมเม้นต์มาคุยกันได้ครับ..
พิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งจอง HUAWEI P60 Pro ในช่วงพรีออเดอร์ ตั้งแต่วันนี้ – 26 พฤษภาคม 2566 จะได้อัปเกรดรุ่นความจุจากรุ่นเริ่มต้นเป็น RAM/ROM 12+512 ในราคา 37,990 บาท สามารถเข้าไปพรีออเดอร์สินค้ากันได้ที่ consumer.huawei.com โดยวางมัดจำแค่ 1 บาท ใช้เป็นส่วนลด 1,000 บาทเมื่อซื้อสินค้า และรับของสมนาคุณมูลค่า 6,803 บาท
5 ออเดอร์แรกที่สั่งซื้อจะได้รับ Simple Home Gift Package 2 มูลค่า 1,290 บาท —
สเปค HUAWEI P60 PRO
:หน้าจอ OLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2700 x 1220) รีเฟรชเรท 1-120Hz CPU
: Snapdragon 8+ Gen 1 4G RAM : 8GB / 12GB ความจุ : 256GB / 512GB / รองรับ NM memory card 256GB กล้องหลัง 3 ตัว – กล้องหลักความละเอียด 48MP (f/1.4 – 4.0), กันสั่น OIS – กล้อง Ultrawide ความละเอียด 13MP (f/2.2) – กล้อง Telephoto ความละเอียด 48MP (f/2.1), กันสั่น OIS, Optical 3.5x – Digital 200x กล้องหน้า : 13MP (f/2.4) การเชื่อมต่อ : 4G, WiFi dual-band 802.11 a/b/g/n/ac/ax, 2 x 2 MIMO, BT 5.2, NFC เซนเซอร์ : Fingerprint sensor (ใต้จอ), Gravity sensor, Infrared sensor, Hall sensor, Gyro, compass, Ambient light sensor, Proximity light sensor, Camera laser focus sensor, Color temperature sensor กันน้ำ IP68 ระบบเสียง
: ลำโพงสเตอรีโอ, ระบบเสียง HUAWEI Histen, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. แบตเตอรี่ : 4815 mAh , รองรับชาร์จไวมีสาย 88W ไร้สาย 50W ระบบ Hongmeng OS 3.1